1.ให้ความรู้เป็นการวางรากฐานที่มั่นคงในตัวบุคคลในที่นี้หมายถึงความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับผ้าทอบ้านหนองเงือกในด้านต่างๆ
เช่น ความงดงาม ประโยชน์ใช้สอย ความทนทาน
และการเป็นสิ่งที่แสดงของเอกลักษณ์ของชาวเมืองอุบล ที่ควรภาคภูมิใจ
การให้ความรู้ดังกล่าวอาจทำได้หลายทางทางเช่น
1.1. ครอบครัว
เป็นสถาบันแรกที่มีความสำคัญมากในการทำให้สมาสมาชิกในครอบครัวค่อยๆเกิดความชอบ
มองเห็นความงดงามของคุณค่าผ้าทอ โดยแม่มีบทบาทให้ความรู้
ตลอดจนพ่อแม่นำผ้าทอมาใช้ในชีวิตประจำวันและโอกาสพิเศษต่างๆ
โรงเรียนหรือสถานศึกษาทุกระดับ
ครูนับว่าเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่มีส่วนสนับสนุนให้นักเรียนเกิดความรู้
1.2.
ความเข้าใจและภาคภูมิใจในศิลปหัตถกรรมของท้องถิ่นโดยอาจจะสอนสอดแทรกเข้าไปในวิชาที่เกี่ยวกับสังคมศึกษา
ศิลปศึกษา ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมหรือพานักเรียนไปศึกษานอกสถานที่ เป็นต้น
1.3. สื่อมวลชน สื่อมวลชนได้แก่ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร
วารสาร ภาพยนตร์ โทรทัศน์ วิทยุ เป็นต้น ปัจจุบันเรายอมรับ
กันว่าสื่อมวลชนมีอิทธิพลต่อแนวการคิดและการตัดสินใจของประชาชนมาก ฉะนั้น
สื่อมวลชนสามารถให้ทั้งความรู้ แสดงให้เห็นถึงความงดงามและประโยชน์ของผ้าทอได้เป็นอย่างดี
และมีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ฟื้นฟูและเผยแพร่ให้ประชาชน
2. การสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐ
เนื่องจากรัฐบาลมีภารกิจในการบริหารประเทศด้านต่าง ๆ มากมาย
ผ้าทอก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเอกลักษณ์ประจำชาติหรือท้องถิ่นที่รัฐควรให้ความสนใจ
การสนับสนุนจากรัฐอาจทำได้ดังนี้
2.1 การจัดประชุมสัมมนา
โดยเชิญผู้รู้ประจำท้องถิ่นหรือวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องผ้าทอมาให้ความรู้ต่าง
ๆ
2.2 การให้ทุนอุดหนุนการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผ้าทอ
นับว่าเป็นวิธีการหนึ่งที่ก่อให้เกิดการศึกษา ค้นคว้า
และพัฒนาเรื่องผ้าทออย่างแท้จริง
2.3 การประกวดผ้าทอ คิดว่าเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ
และถือว่าเป็นแนวทางหนึ่งในการอนุรักษ์ฟื้นฟูและเผยแพร่เกียรติคุณของผ้าทอได้เป็นอย่างดี
2.4 การรณรงค์การใช้ผ้าทอในหน่วยงานของรัฐ เช่น
โรงเรียนเละสถานที่ ราชการบางแห่งอาจจะตกลงกันแต่งกายด้วยผ้าทอ 1 วัน
ในแต่ละสัปดาห์ หรือหน่อยงานกันสนับสนุนการใช้ผ้าทอในโอกาสพิเศษต่าง ๆ
เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชนทั่วไป